วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

การ..ปลูกกล้วยหอมทอง

 เยือนแหล่งปลูกกล้วยหอมทองแหล่งใหญ่ ที่ รังสิต เกษตรกรรายใหญ่ปลูกกันนับ 1,000 ไร่
หลังการล่มสลายของส้มรังสิต จนทำให้ชาวสวนส้ม รังสิตที่ร่ำรวยจากส้มย้ายถิ่นฐานไปหาแหล่งผลิตส้มแหล่งใหม่กันในหลาย พื้นที่ สุดท้ายหลายคนยอมยกธงยอมแพ้กลับมาปักหลักที่รังสิตเหมือนเดิม ขณะที่ทุ่งรังสิตวันนี้มีพืชหลากหลายชนิดเข้ามาครองพื้นที่ แต่พืชที่ครองพื้นที่มานานและได้รับความนิยมปลูกเป็นอันดับต้นๆ อีกทั้งยังเป็นพืชที่สร้างฐานะ ความร่ำรวยให้กับเกษตรกรจำนวนมากของที่นี่ก็คือ กล้วยหอม นั่นเอง ความนิยมของพืชชนิดนี้ทำให้มองเห็นสวนกล้วยหอมอยู่ตลอดเส้นทาง และอาจจะกล่าวได้ว่าที่นี่ติดอันดับแหล่งปลูกกล้วยหอมทองแหล่งใหญ่ระดับ ประเทศเช่นกัน ที่น่าทึ่งก็คือ เกษตรกรรายใหญ่ของที่นี่เขาปลูกกล้วยหอมกันเป็นร้อยๆ ไร่ หลายร้อยไร่หรือจนถึงระดับพันไร่กันเลยทีเดียว

  
เช่นเดียวกับเกษตรกรที่เราจะพาไปเยี่ยมสวนกล้วยของ เขาในครั้งนี้ก็ปลูกกล้วยร่วม 1,000 ไร่ เหมือนกัน โดยจะทยอยปลูกไปเรื่อยๆหลายแปลง นั่นคือ คุณเกษม หลีนวรัตน์ อดีตชาวสวนส้มที่ปลูกส้มมานานตั้งแต่ครั้งพ่อ-แม่ แต่หลังจากส้มเกิดวิกฤตจนต้องเลิกปลูก หันไปค้าขายอยู่ที่สี่มุมเมืองพักหนึ่ง พอมีทุนจึงคิดกลับมาทำสวนอีกครั้ง โดยมองว่ากล้วยหอมเป็นพืชที่มีอนาคตจึงปลูกกล้วยครั้งแรกในพื้นที่ 40 ไร่ หลังจากขายกล้วยแล้วเห็นว่าสร้างรายได้ดี รุ่นต่อมาจึงขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 70 ไร่ พร้อมกับชักชวนพี่ๆน้องๆมาปลูกกล้วยด้วยกัน หลังจากนั้นก็ขยับขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยมา เป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว พี่ๆน้องๆ ต่างก็ปลูกกล้วยกันเป็นอาชีพหลักกันทั้งหมด ปัจจุบัน คุณเกษมมีพื้นที่ปลูกกล้วยหอมอยู่ประมาณ 920 ไร่ กระจายอยู่หลายแปลงทั้งในเขตรังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และ อ.วังน้อย จ.อยุธยา ซึ่งแปลงที่เรามาเยี่ยมชมนี้เป็นแปลงที่ อ.วังน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่เช่าและพื้นที่เช่าที่นำมาปลูกกล้วยส่วนใหญ่ก็จะเป็นพื้นที่ สวนส้มเดิมเพราะไม่ต้องไปลงทุนปรับพื้นที่ใหม่ อีกทั้งพื้นที่สวนส้มเดิมนั้นก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ในบริเวณนี้นอกจากสวนกล้วยของคุณเกษมแล้วก็มีชาวสวนที่รังสิตอีกหลายรายที่ มาเช่าพื้นที่สวนส้มเดิมเพื่อปลูกกล้วยเช่นเดียวกับคุณเกษม ซึ่งแต่ละแปลงก็จะเป็นแปลงขนาดขนาดใหญ่ พื้นที่ระดับ 100 กว่าไร่ขึ้นทั้งนั้



 สำหรับ การปลูกกล้วยนั้นคุณเกษมบอกว่าจะทยอยปลูกครั้งละ 50 ไร่ แต่ละรุ่นก็ห่างกัน 20-30 วัน เพราะถ้าปลูกครั้งละมากๆ กล้วยสุกพร้อมกันเป็นจำนวนมากในแปลงจะทำให้ตัดขายไม่ทันหรือถ้ากล้วยออกมา เจอช่วงราคาถูกก็แย่ อีกทั้งการปลูกพร้อมกันในพื้นที่มากๆ ต้องมีแรงงานจำนวนมากเพื่อจัดการงานแต่ละอย่างพร้อมๆกัน การปลูกกล้วยในพื้นที่พอประมาณและให้มีกล้วยตัดขายป้อนตลาดอย่างต่อเนื่องจะ ดีกว่า ซึ่งกล้วยแต่ละแปลงนั้นคุณเกษมก็จะมีคนงานประจำเพื่อดูแลกล้วยในแต่ละแปลงๆหนึ่งก็ 5-6 คน
คุณ เกษม บอกว่า กล้วยหอมเป็นพืชที่สร้างรายได้ดี ปลูกและดูแลง่าย ขอเพียงแต่อย่าให้มีลมแรงซึ่งเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ของการปลูกกล้วย เพราะถ้าเจอลมก็เท่ากับรายได้หายไปในพริบตาเลยทีเดียว กล้วยหอมใช้เวลาประมาณ 9 เดือนก็จะสามารถตัดขายได้ โดยพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกกล้วยได้ประมาณ 300 ต้น ที่นี่จะปลูกกล้วยบนร่องส้มเดิม โดยปลูกแบบสลับฟันปลา ห่างกัน 1.50 เมตรต่อต้น หน่อกล้วยก็จะขุดจากในสวนไปปลูก คุณเกษมบอกว่า การที่กล้วยจะงาม ให้ผลผลิตดีหมายถึงเครือใหญ่ หวีใหญ่ ผลโต ต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินที่ดี ก่อนปลูกกล้วยในแต่ละแปลงจะปล่อยน้ำเข้าไปแช่ในแปลงก่อนประมาณ 20 วัน ปล่อยน้ำออกแล้วตากดินให้แห้ง จากนั้นใช้รถแม็คโครพรวนดินบนร่องให้ร่วนซุยพร้อมกับใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อ เพิ่มความสมบูรณ์และปรับสภาพดิน เมื่อกล้วยอายุประมาณ 1 เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 เดือนละครั้ง ถ้าต้นไม่ค่อยสมบูรณ์ก็จะใส่ยูเรียผสมด้วย ต้นละ 2-3 ช้อนแกง อายุได้ 4 เดือนเปลี่ยนมาใช้ 16-16-16 ผสมยูเรีย (46-0-0) และใส่กระดูกป่นด้วยเพื่อให้กล้วยขยายปลีได้ดี กล้วยปลีใหญ่ เครือก็จะใหญ่ หวีก็จะใหญ่ อายุ 6 เดือนกล้วยจะออกปลี เมื่อกล้วยติดผลสุดปลีแล้วจะเน้น 16-16-16 ผสมกับ 13-13-21 ลดยูเรียลงแต่ก็จะผสมยูเรียด้วย จะทำให้กล้วยได้หวีต่อเครือเยอะ แต่ถ้าใส่ยูเรียเยอะจะได้จำนวนหวีต่อเครือน้อย กล้วยจะเน้นปุ๋ยทางดินเป็นหลัก ไม่เน้นทางใบ จึงต้องให้กินปุ๋ยทางดินอย่างเต็มที่ ที่นี่จะให้ปุ๋ยทุกเดือนๆละครั้ง..


  กล้วยเป็นพืชที่ใช้สารเคมีน้อยแต่ก็ต้องพ่น สารเคมีบ้างเหมือนกัน เพื่อป้องกันเชื้อราที่สวนจะใช้คาร์เบนดาซิมเป็นหลัก ส่วนแมลงก็จะพ่นสารคาร์โบซัลแฟน เมโทมิล เดือนละ 1-2 ครั้งขึ้นอยู่กับการระบาดของโรค-แมลง ส่วนการให้น้ำต้องรดน้ำให้ชุ่มเพราะกล้วยชอบน้ำ โดยวันหนึ่งจะรดน้ำ 2 ครั้ง โดยใช้เรือรดน้ำการจัดการอื่นๆ ก็มีการจัดการกับหญ้าในแปลง ช่วงต้นเล็กจะจ้างแรงงานมาถอนต้นกล้วยโตแล้วก็จะฉีดยาฆ่าหญ้าได้ นอกจากนี้ก็จะมีการตัดแต่งใบเพื่อไม่ให้ทึบจนเกินไป ไม่รกเกะกะ ให้แสงและลมเข้าถึงได้ดี โดยให้เหลือไว้ประมาณ 11 ใบ ใบที่เบียดกับหวีกล้วยต้องหมั่นแต่งออกเพราะจะทำให้ผลกล้วยลายได้ และเมื่อกล้วยตกเครือหรือออกเครือแล้วต้องใช้ไม้ไผ่มาค้ำกล้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เครือหักหรือต้นล้มในยามที่มีลมแรงหรือลมกันโชก

 

 อายุ 9 เดือนกล้วยตัดขายได้ กล้วยงามๆ หนึ่งเครือจะมีประมาณ 6-7 หวี โดยหวีหนึงจะมี 10 ลูก ถือเป็นเกรดเอ แต่ถ้าต่ำกว่า 10 ลูกเป็นเกรดรอง และถ้าหนึ่งเครือต่ำกว่า 5 หวีแม่ค้าจะนับ 3 เครือเป็น 2 เครือ ช่วงที่เก็บผลผลิตจะเก็บผลผลิตทุกวันๆ ละ 2-3 คันรถๆหนึ่งประมาณ 130-150 เครือ กล้วยที่สวนส่งขายหลายตลาดทั้งตลาดไท ส่งห้างสรรพสินค้าโดยผ่านบริษัทซึ่งจะนำไปส่งคาร์ฟู บิ๊กซี โลตัส โดยกล้วยที่ส่งห้างสรรพสินค้านี้จะส่งอาทิตย์ละ 3 ครั้งๆละ 200 ตะกร้าๆ 4 หวี ราคากล้วยที่ส่งตลาดนี้จะอยู่ประมาณ 14-15 บาท/กก. นอกจากนี้ยังส่งกล้วยให้กับการบินไทยอีกด้วย เป็นกล้วยคุณภาพที่สวย ไม่มีที่ติ โดยจะส่งอาทิตย์ละ 4 วัน ครั้งละ 50-60 ตะกร้าๆละ 4 หวี โดยคัด 3 เกรด ใหญ่ กลาง เล็ก ใหญ่ 3 กก. กลาง 2.5 กก.เล็กก็จะต่ำกว่านี้ลงมา ราคากล้วยที่ส่งการบินไทยจะได้ราคาสูง 38 บาท/กก. สำหรับกล้วยที่ผิวไม่สวยหรือตกเกรดนั้น ก็จะนำไปขายให้กับโรงงานทำเค้กกล้วยหอม ราคากล้วยช่วงที่ผ่านมาขายได้เครือละ 180-200 บาท ช่วงที่ผลไม้ในฤดูออกมามาก คนจึงนิยมผลไม้ในฤดูกันก่อน ราคาก็จะลงมาอยู่ที่ 150 บาท ถ้าเป็นช่วงช่วงเทศกาลตรุษจีน สาร์ทจีน ซึ่งเป็นช่วงที่จะต้องใช้กล้วยเป็นจำนวนมากและราคาดี ราคากล้วยจะขึ้นไปถึง 230-250 บาทเลยทีเดียว
คุณเกษม บอกว่า กล้วยหอมนั้นเป็นผลไม้ที่ทำรายได้ดี แต่มีปัญหาอยู่ในเรื่องของลมพัดแรง ทำให้ต้นล้มหรือคอหักลงมาได้ นั่นเท่ากับว่าเงินที่ลงทุนไปสูญเปล่า
สนใจติดต่อ คุณเกษม หลีนวรัตน์ 20/1 ม.5 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โทร.081-919-4759


Email:taajook@gmail.com
เครดิต : cr. Rakkaset Nungruethail  รักษ์เกษตร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น