ถ้าถามถึงแหล่งปลูกมะละกอแหล่ง ใหญ่ของภาคเหนือตอนล่างแล้วล่ะก็เชื่อแน่ว่า จ.สุโขทัยคืออันดับหนึ่งอย่างแน่นอนโดยเฉพาะ อ.ศรีสัชนาลัยที่นี่คือแหล่งปลูกมะละกอแหล่งใหญ่และเก่าแก่แห่งหนึ่งของบ้าน เราและด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าในแทบทุกด้านของมะละกอเมื่อเทียบกับพืชดั่ง เดิมที่ชาวบ้านทำกันมาค่อนชีวิต มะละกอคือพืชที่สร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มะละกอคือพืชที่สร้างฐานะความร่ำรวยให้กับพวกเขา และไม่ว่าจะล้มเหลวหรือสำเร็จสักกี่ครั้งพวกเขาก็จะกลับมาปลูกมะละกอและ ต่อสู้กับมะละกออยู่วันยังค่ำนั่นเพราะพืชชนิดนี้เคยสร้างรายได้อย่างที่พวก เขาไม่เคยได้รับจากพืชชนิดอื่นเลย..
ผู้
ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่บุกเบิกและทำให้อ.ศรีสัชนาลัยกลายเป็นแหล่งปลูก
มะละกอแหล่งใหญ่ที่วงการรู้จักกันดีก็คือ คุณธีระ
วัฒนะอุดมวงศ์หรือเฮียแบงค์และวันนี้เฮียแบงค์คือผู้ปลูกมะละกอรายใหญ่ของ
ที่นี่ในนาม ไร่อริศ ที่พ่อค้ารับซื้อในทุกตลาดรู้จักกันเป็นอย่างดี
ด้วยพื้นที่ปลูกมากถึง 100 ไร่
ไม่เพียงเท่านั้นเฮียแบงค์ยังส่งเสริมลูกไร่ปลูกเพื่อรับซื้อผลผลิตมะละกอ
ป้อนสู่ตลาดต่างๆพื้นที่รวมไม่ต่ำกว่า 300
ไร่หมุนเวียนเพื่อให้มีผลผลิตป้อนตลาดเกือบตลอดทั้งปี
โดยมีผลผลิตออกจากพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 20 ตันต่อวัน
และวันที่มีผลผลิตมากที่สุดเขาเคยเก็บมะละกอออกถึง 30 ตัน
ไม่
น่าเชื่อว่ากระแสมะละกอฮอลแลนด์ฟีเวอร์ของ
อ.ศรีสัชนาลัยที่คาดว่าน่าจะมีพื้นที่ปลูกไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่
ในวันนี้จะเริ่มต้นจากมะละกอเพียง 13 ไร่ของเฮียแบงค์
นักธุรกิจจากเมืองหลวงที่ล้มเหลวจากธุรกิจส่งออกผักผลไม้
ทำให้เขาตัดสินใจกลับไปเริ่มต้นที่บ้านเกิดของเขาเอง 13
ไร่กับการปลูกมะละกอครั้งแรกในชีวิต เขาได้เงินมาเกือบ 2 ล้านบาท
เม็ดเงินก้อนนี้เองที่ทำให้เฮียแบงค์ขยายพื้นที่อย่างบ้าระห่ำท่ามกลาง
การจับตามองของชาวบ้านที่บอกว่า "เขาบ้า"
ปลูกมะละกอเยอะแยะขนาดนี้จะเอาไปขายที่ไหน เขาไม่ใช่แค่ บ้า
ปลูกเองเฮียแบงค์ยังประกาศรับสมัครลูกไร่เพื่อปลูกมะละกอส่งขายให้กับเขาอีก
ด้วย พืชใหม่ในพื้นที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
เฮียแบงค์ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มทุกปี
ขณะที่ลูกไร่ก็เพิ่มจำนวนขึ้นทุกปีจากความสำเร็จของคนที่ปลูกก่อนหน้าแต่ละ
คนต่างมีรายได้มากมายจากการปลูกมะละกอ
สร้างแรงบันดาลใจให้ชาวบ้านหันมาปลูกมะละกอกันมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ศรีสัช
นาลัย กลายเป็นแหล่งปลูกมะละกอแหล่งใหญ่อันดับต้นๆของประเทศในวันนี้
สิ่ง
หนึ่งที่ทำให้ แบงค์ ประสบความสำเร็จ ก็คือ
เขาใส่ใจและทุ่มเทอย่างมากกับมะละกอ
เพราะเขารู้ว่าเขาจะได้เม็ดเงินคืนกลับมาอย่างมากมายยิ่งกว่าทุนที่เขาใส่ลง
ไปหลายเท่าตัว มะละกอสวนเฮียแบงค์ติดดกเต็มคอ ขนาดลูกสม่ำเสมอ รูปทรงสวย
รสชาติหวาน ขณะที่ชาวบ้านบางคนยังไม่เข้าใจในจุดนี้และไม่กล้าลงทุน
จึงทำให้ผลผลิตออกมาไม่ดีเท่าที่ควรและหลายคนล้มเหลวจากอาชีพนี้เฮียแบงค์
บอกว่ามะละกอไม่ใช่พืชที่ลงทุนสูงเลย
เขาบอกว่าต้นทุนมะละกอตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงเริ่มเก็บน่าจะอยู่ประมาณไร่ละ
15,000-20,000 บาท เป็นค่าระบบน้ำมินิสปริงเกลอร์ประมาณ 3,000
บาทที่เหลือเป็น ค่าเตรียมแปลง ค่าปุ๋ยสารเคมี ค่าแรงและอื่นๆ
มะละกอจะหนักค่าแรงโดยเฉพาะเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วต้องใช้แรงงานจำนวนมากเฮีย
แบงค์มีคนงานมากกว่า 30 คนทั้งทำงานในสวนคัดมะละกอ
ในจุดรับซื้อซึ่งจะต้องมีมะละกอเก็บทุกวันๆละ 20 ตัน(5-6 คันรถปิ๊กอัพ)
เมื่อ
ถามถึงเทคนิคการดูแลมะละกอให้ติดดกรูปทรงสวยรสชาติหวานเกรดเอเฮียแบงค์
บอกว่าอยู่ที่การใส่ปุ๋ยและดูแลเรื่องศัตรูให้อยู่หมัดปุ๋ยในช่วง 1-2
เดือนแรกเฮียแบงค์ใช้สูตรเสมออายุ 3-4 เดือนเปลี่ยนมาใช้สูตร 8-24-24
เพื่อเร่งดอกหลังจากนั้นจะใช้ 8-24-24 สลับกับ 16-16-16
เพื่อบำรุงทั้งดอกและผล อายุ 7 เดือนเพิ่มความหวานโดยใช้ 13-13-21
มาสลับด้วย
ปริมาณปุ๋ยจะเพิ่มให้ตามอายุของต้นโดยต้นที่ให้ผลผลิตแล้วก็จะให้ปุ๋ยไร่ละ 1
กระสอบต่อครั้ง ให้ปุ๋ยเดือนละ 2
ครั้งและจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์เป็นช่วงๆอย่างต่อเนื่องทางใบก็จะให้ธาตุอาหาร
เสริมแคลเซียม-โบรอนเป็นประจำจะทำให้มะละกอออกดอกติดผลต่อเนื่องติดดกคุณภาพ
ผลดี
ส่วน
ของศัตรูร้ายของมะละกอคือโรคไวรัสจุดวงแหวนเฮียแบงค์บอกว่าเขาปลูกมะละกอซ้ำ
ที่มาโดยตลอดแต่ก็มีปัญหาน้อยมากเฮียแบงค์มีวิธีการจัดการด้วยการพ่น
สารป้องกันไวรัส เซล่ามูน+3 อย่างต่อเนื่องทุก 10 วัน
ขณะที่ชาวบ้านหลายคนที่ปลูกแล้วล้มเหลวเพราะจัดการไวรัสไม่ได้และไม่รอดจาก
ไวรัสเช่นเดียวกับพื้นที่ปลูกมะละกอในแหล่งอื่นๆเฮียแบงค์บอกว่า
"ถ้าเอาไวรัสอยู่คุณก็รอดแล้ว"
แม้
วันนี้ราคามะละกอไม่จูงใจเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมาจากปัญหาเศรษฐกิจทำ
ให้มะละกอที่เคยขายราคา 12-15 บาท/กก.(หน้าสวน) ในปีที่ผ่านๆมาลดลงมาเหลือ
8-10
บาท/กก.(หน้าสวน)ในปีนี้ก็ทำให้ชาวสวนจำนวนไม่น้อยที่เคยเห็นเม็ดเงินก้อน
ใหญ่จากมะละกอถอดใจไปบ้างเหมือนกันเพราะวิกฤติราคามะละกอปีนี้นับว่าไม่เคย
เกิดขึ้นเลยในรอบ 10 ปีมานี้ราคามะละกอดีต่อเนื่องมาตลอด
แต่ถึงกระนั้นมะละกอก็ยังคันรถละ(3-4 ตัน) 25,000-30,000 หมื่นบาท
ขณะที่มะละกอเก็บผลผลิตทุก 3-4 วันหรือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
บอกได้เลยว่าชาวสวนยังมีรายได้มากมายเมื่อเทียบกับการลงทุนหรือค่าใช้จ่ายใน
การดูแลมะละกอ แต่ที่บ่นกันทุกรายก็เพราะเคยได้ราคาสูงไงค่ะ (มะละกอ 10 ไร่
จะเก็บผลผลิตได้ประมาณ 3 ตันต่อครั้งค่ะ)
เฮีย
แบงค์บอกว่าเขาปลูกมะละกอมาเกือบ 10
ปีจนถึงวันนี้เขาก็ยังมองไม่เห็นว่ามีพืชไหนที่ทำเงินได้ดีเท่ามะละกอหากชาว
สวนสามารถผลิตมะละกอคุณภาพหมายถึงผลบนต้นมีแต่เกรดเอมะละกอก็ยังให้ผลตอบแทน
ที่ดีแต่ชาวสวนมะละกอในระดับชาวบ้านยังมองไม่เห็นความสำคัญในจุดนี้และยัง
ไม่กล้าลงทุนจึงทำให้พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรแต่สำหรับเฮียแบงค์
แล้วเขาบอกว่าเขาเกิดจากมะละกอและเขาก็จะยืนหยัดปลูกมะละกอต่อไปยังไม่รู้
ว่าจะหยุดเมื่อไหร่
เครดิต :Rakkaset Nungruethail รักษ์เกษตร
Email:taajook@gmail.com
สนใจเมล็ดพันธุ์มะระกอฮอลแลนด์ โทร 082 694 5116
ตอบลบเมล็ดพันธุ์ของเราเป็นพันธุ์แท้ 100%
www.nasithome.com
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบกำลังจะปลูกตะไคร้8ไร่ หาคนรับซื้ออยู่
ตอบลบกำลังจะปลูกตะไคร้8ไร่ หาคนรับซื้ออยู่
ตอบลบ